การวัดประเมินผลการเรียนรู้

การวัดผลและประเมินผล เป็นกระบวนการซึ่งประกอบด้วยกระบวนการย่อย ได้แก่ การวัดผล (measurement) และการประเมินผล (assessment) ทั้งการวัดผลและประเมินผลมีความสัมพันธ์ เกี่ยวข้องกันอย่างแยกไม่ออก ในทางการศึกษาจึงมักใช้คำว่า “การวัดประเมินผล” ในการออกแบบ  การเรียนการสอนซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อพัฒนาผู้เรียนให้บรรลุผลการเรียนรู้นั้น การวัดประเมินผลในที่นี้จึง หมายถึงการวัดประเมินผลการเรียนรู้ (assessment of learning) ซึ่งเป็นกระบวนการรวบรวมหลักฐาน ข้อมูลเชิงประจักษ์ต่าง ๆ เมื่อสิ้นสุดกระบวนการเรียนรู้เพื่อตัดสินคุณค่าในการบรรลุวัตถุประสงค์หรือ ผลลัพธ์การเรียนรู้ เป็นการประเมินผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ซึ่งแสดงถึงมาตรฐานทางวิชาการในเชิงสมรรถนะและคุณลักษณะที่พึงประสงค์ สารสนเทศดังกล่าวนำไปใช้ในการกำหนดระดับคะแนนให้ ผู้เรียนรวมทั้งใช้ในการปรับปรุงหลักสูตรและการเรียนการสอน (ราชบัณฑิตยสถาน, 2555, หน้า 37) 

เรียนรู้กระบวนการวิจัย

กระบวนการวิจัย หมายถึง กระบวนการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลอย่างเป็นระบบในการ แสวงหาความรู้ เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อความรู้หรือข้อค้นพบใหม่ที่เชื่อถือได้ตามเป้าหมายที่ก าหนด โดยอาศัยพื้นฐานกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ 5 ขั้นตอน คือ
1) การตั้งปัญหา
2) การ ตั้งสมมติฐาน
3) การเก็บรวบรวมข้อมูล
4) การวิเคราะห์ข้อมูล และ
5) การสรุปผลการวิจัย เนื่องจากขั้นตอนของกระบวนการทางวิทยาศาสตร์นั้นมีการพิสูจน์ทดสอบ ผลที่ได้จึงมีความ น่าเชื่อถือ

คู่มือการยื่นขอรับบำเหน็จบำนาญด้วยตนเองทางอิเล็กทรอนิกส์

กรมบัญชีกลางได้พัฒนาระบบการยื่นขอรับบำเหน็จบำนาญด้วยตนเองทางอิเล็กทรอนิกส์ (Pensions’ electronic Filing) เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้มีสิทธิขอรับบำเหน็จบำนาญ ได้รับความสะดวกในการขอรับสิทธิบำเหน็จ บำนาญของตนเองด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ โดยนำฐานข้อมูลที่มีอยู่มาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ลดขั้นตอนและ ภาระงานของส่วนราชการ และให้ผู้ขอรับสิทธิทราบข้อมูลของตนเอง ตรวจสอบการดำเนินงานของทางราชการ ได้ทุกขั้นตอนเพื่อสร้างความโปร่งใสด้านการอนุมัติสั่งจ่ายบ ำเหน็จบำนาญ สอดคล้องกับพระราชบัญญัติการ อำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ. 2558 และเป็นการเพิ่มช่องทางในการบริการแก่ ผู้รับบำเหน็จบำนาญในด้านต่างๆ อย่างเหมาะสม

การจัดการเรียนรู้ด้วยกระบวนการวิจัยหรือใช้วิจัยเป็นฐาน

การจัดการเรียนรู้ด้วยกระบวนการวิจัยหรือใช้วิจัยเป็นฐาน

กัลยา แตงขำ
ศึกษานิเทศก์เชี่ยวชาญ
สพป.ราชบุรี เขต 1

การจัดการเรียนรู้ด้วยกระบวนการวิจัยหรือใช้วิจัยเป็นฐานการจัดการเรียนรู้ด้วยกระบวนการวิจัยหรือใช้วิจัยเป็นฐาน มีนักวิชาการให้ความหมายดังนี้
ไพฑูรย์ สินลารัตน์ (2547) ให้ความหมายของการสอนแบบเน้นการวิจัย (Research-Base Teaching) คือ การสอนที่มุ่งเน้นให้ผู้เรียนสามารถตั้งคำถาม วิเคราะห์ปัญหา รู้วิธีการที่จะได้มาซึ่งคำตอบ และคำตอบที่ได้มาตั้งเป็นประเด็นปัญญาเพื่อหาคำตอบใหม่ โดยนำเอาเนื้อหาจากการวิจัย หรือกระบวนการวิจัยมาเป็นสื่อการสอน
ทิศนา แขมมณี (2547 : 4) ได้กล่าวถึงความหมายไว้ว่า การเรียนการสอนที่มีการวิจัยเป็นฐาน คือการจัดให้ผู้เรียนได้เรียนรู้และใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ในการหาความรู้ใหม่หรือคำตอบที่เชื่อถือได้ โดยอาศัยกระบวนการสืบสอบในศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่ศึกษาวิจัยในการดำเนินการสืบค้น พิสูจน์ ทดสอบ เก็บรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล
อำรุง จันทวานิช (2548 : 5) ได้ให้ความหมายของการเรียนการสอนที่มีการวิจัยเป็นฐาน ว่าเป็นวิธีการที่ผู้สอนประยุกต์ใช้การวิจัยเป็น ช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ตามวัตถุประสงค์ที่กำหนด การเรียนรู้ของผู้เรียนจะเกิดจากการปฏิบัติอย่างเป็นขั้นตอน มีการกำหนดปัญหา วิเคราะห์ปัญหา วางแผนจัดทำเครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา เก็บรวบรวมข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูลและสรุปการเรียนรู้ที่ได้จากการวิจัย
อาชัญญา รัตนอุบล (2547 : 61) ได้ให้ความหมายไว้ว่าการเรียนการสอนที่มีการวิจัยเป็นฐาน คือการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ผู้เรียนใช้การวิจัยเป็นส่วนหนึ่งของการเรียนรู้ ในเรื่องที่ตนสนใจหรือต้องการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นภายใต้ขอบเขตเนื้อหาที่เรียน โดยมุ่งส่งเสริมให้ผู้เรียนได้มีโอกาสฝึกการคิดและการจัดการหาเหตุผลในการตอบปัญหาตามโจทย์ที่ผู้เรียนได้ตั้งไว้ โดยผสมผสานองค์ความรู้แบบสหวิทยาการและศึกษาจากสถานการณ์จริง